พร็อพเพอร์ตี้กูรู เผยผลสำรวจ หลังโควิดดีมานด์อสังหาฯสิงคโปร์ เวียดนามกระเตื้อง สวนทางดีมานด์ในไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย เชื่อปีหน้าเริ่มฟื้น แนะดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการออกแบบพื้นที่รับเทรนด์เวิร์คฟรอมโฮม
นายจูลส์ เคย์ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้กูรู เอเชีย พร็อพเพอร์ตี้ อะวอร์ด แอนด์ อีเวนต์ กล่าวว่า ผลสำรวจของพร็อพเพอร์ตี้กูรูฯหลังเกิดโควิด-19 ภาพรวมอสังหาฯในภูมิภาคอาเซียนพบว่า ดีมานด์ในสิงคโปร์ เวียดนามปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ดีมานด์ในประเทศไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย ชะลอตัว จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และพฤติกรรมกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปทั้งในส่วนของผู้พัฒนาโครงการและคนซื้อ ส่งผลทำให้ดีมานด์และซัพพลายในตลาดอสังหาฯเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะเทรนด์การทำงานที่บ้าน ( Work from Home) มีผลต่อพฤติกรรมการซื้ออสังหาฯ ทำให้ผู้ซื้อต้องการพื้นที่ใช้สอยในบ้าน คอนโดมิเนียมมากขึ้น ทำให้นักพัฒนาอสังหาฯต้องปรับตัวด้วยการพัฒนาโครงการ ที่ตอบสนองกับความต้องการที่เปลี่ยนไปทั้งในแง่ของการออกแบบที่ต้องตอบสนองกับการใช้ทำงาน การพักผ่อนในระดับราคาที่จับต้องได้หรือเหมาะกำลังซื้อที่ลดลงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ยังคงอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางสะดวก
“จากประสบการณ์พบว่า ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติหรือปัญหาโรคระบาด หลายคนหันมาลงทุนในอสังหาฯ ดังนั้นคาดว่าในปี2564 ตลาดอสังหาฯจะค่อยๆกระเตื้องขึ้น แม้จะยังไม่ฟื้นมาเท่ากับปี2562 แต่สถานการณ์จะดีกว่าปี2563 เพราะโควิดเริ่มคลี่คลายแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือความคาดหวังของคนซื้ออสังหาฯเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสุขอนามัย ดีเวลลอปเปอร์จึงต้องปรับตัวในการพัฒนาโครงการที่ตอบสนองกับพฤติกรามความต้องของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ”
นอกจากนี้ ในกลุ่มของผู้ซื้อรุ่นใหม่จะให้ความสำคัญกับเรื่องของช่องทางออนไลน์มากขึ้น ในการให้ข้อมูลและสร้างความน่าเชื่อถือ โดยมีการนำเทคโนโลยี Augmented Reality หรือ AR เป็นเทคโนโลยีที่นำภาพเสมือน ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ จำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้อง และVirtual Reality หรือVR เป็นเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน ต่างกันที่ VR คือการจำลองโลกเสมือนขึ้นมาและเข้าถึงได้จากอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น แว่นตาให้ลูกค้าชมโครงการได้โดยไม่ต้องเดินทางไปโครงการ