ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้สัญญาณบวกตลาดฟื้นตัวปี 64 รับความเชื่อมั่นผู้บริโภคไต่ระดับ ผนวกแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ อานิสงส์ “ดอกเบี้ยต่ำ” พร้อมกลยุทธ์ราคาด้านโครงการใหม่เปิดตัวลดลงเหลือ 7.1 หมื่นหน่วย ด้านคอนโดวูบ 50% สวนทาง “แนวราบ”
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2564 มีปัจจัยบวกที่เพิ่มเข้ามาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของรัฐบาล อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ และการปรับตัวของผู้ประกอบการ โดยคาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 353,236 หน่วยคิดเป็นมูลค่า 876,121 ล้านบาท หรือสูงสุดไม่เกิน 383,272 หน่วยคิดเป็น มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 950,591 ล้านบาท
ส่วนโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในปีหน้า คาดว่าจะเพิ่มเป็น 88,828-102,151หน่วย คิดเป็นมูลค่า 400,306 ล้านบาท หรือสูงสุดไม่เกิน 102,151 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 448,559 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้น 24.3% และสูงสุด 42.9% ทั้งนี้เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำมากในปี 2563 โดยสัดส่วนของโครงการบ้านจัดสรรจะมีจำนวนประมาณ 44,069 หน่วยคิดเป็นมูลค่า 286,463 ล้านบาท หรือมีสัดส่วน 58.6 % ส่วนอาคารชุดจะมีจำนวนประมาณ 36,784 หน่วยคิดเป็นมูลค่า 113,843 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 41.4 % ของโครงการที่จะเปิดใหม่ทั้งหมดในตลาด มีจำนวน 36,784 หน่วย มูลค่า 1.13 แสนล้านบาท
“แนวโน้มดีมานด์และซัพพลายในปี 2564 ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ของปีนี้พร้อมปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ดังนั้น ดีเวลลอปเปอร์ต้องโฟกัสทำเล ราคาที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และกำลังซื้อกลุ่มลูกค้า แต่ตลาดยังคงมี ปัจจัยลบ คือการปฏิเสธสินค้าของสถาบันการเงินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากกังวลเรื่องหนี้เสียจากกำลังซื้อที่ลดลง รวมถึงปัจจัยทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอน”
ปีหน้าภาพรวมความมั่นใจและกำลังซื้อที่อยู่อาศัยกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มระดับกลาง-บน ระดับราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป มีโอกาสที่การโอนที่อยู่อาศัยจะปรับตัวขึ้นไปใกล้เคียงปี 2561 หรือ2562 ที่มีจำนวนหน่วยที่โอนกว่า 400,000 ยูนิต มีมูลค่ารวมทะลุ 900,000 ล้านบาท โดยพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัย จะเป็นตลาดแนวราบ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด ที่มีระดับราคา 2-5 ล้านบาทเป็นหลัก
การเปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2564 มีแนวโน้มที่ผู้ประกอบการต่างๆจะกลับมาเปิดโครงการใหม่มากขึ้น โดยเน้นไปที่โครงการแนวราบ คาดว่า จะมีโครงการใหม่เปิดเพิ่ม 88,828 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่า 4 แสนล้านบาท หรือสูงสุดไม่เกิน 102,151 หน่วย มูลค่า 4.48 แสนล้านบาทเติบโต 24.3-42.9% จากปี 63 ที่ถือเป็นปีฐานที่ต่ำ